Web & App Development for your Startup or Business Get free quote

3 ข้อ เช็คอาการรถยนต์แบตเสื่อม

หลายๆคนอาจจะเคยประสบปัญหาสตาร์ทรถติดๆดับๆ หรือไม่ ก็ไม่ติดเลย บางครั้งอาจจะมีเสียงแกร๊กๆ แต่สุดท้ายท้ายก็สตาร์ทไม่ติด ปัญหานี้ อาจเกิดขึ้นได้จากหลากสาเหตุ หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้รถสตาร์ทไม่ติดบ่อยๆอาจจะเป็นเพราะแบตเตอรี่ เพื่อป้องกันไม่ให้ซ่อมผิดจุด วันนี้เรามีวิธีการสังเกตแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมมาบอกกันครับ

สตาร์ทเครื่องติดยาก

หากเราจอดรถทิ้งไว้หลายๆวัน แล้วเกิดอาการรถสตาร์ทติดยาก หรือไม่ติดเลย นั่นหมายความว่ารถมีประจุไฟไม่พอในการสตาร์ท นี่อาจจะเป็นอาการของแบตเตอรี่รถเสื่อมหรือไดชาร์ทมีปัญหา ให้คุณลองพ่วงสายชาร์จ แล้วลองใช้งานอีกครั้ง หากนำรถมาจอดสักพักแล้วสตาร์ทใหม่ แล้วยังคงสตาร์ทไม่ติด แน่นอนแล้วว่าแบตเตอรี่รถมีปัญหา

ปัญหาระบบไฟ

สำหรับคนที่ชอบขับรถตอนกลางคืนจะสังเกตได้ง่าย หากไฟหน้ารถสว่างน้อยลง นั่นอาจจะเป็นอีกสาเหตุของแบตเสื่อม รวมไปถึงไฟในห้องโดยสารรถ ไฟเลี้ยว ไฟท้าย และจุดอื่นๆ ถ้าหากมีอาการติดๆดับๆ หรือสว่างน้อยลง นี่ก็ยิ่งเป็นสิ่งที่แสดงว่าประจุไฟในแบตนั่นไม่เพียงพอ และอาจจะถึงเวลาต้องต้อนรับแบตเตอรี่น้องใหม่แล้ว

ระบบต่างๆในรถทำงานช้าลง

ที่สังเกตได้อย่างชัดเจนเลย คงเป็น กระจกไฟฟ้า ซึ่งหากกระจกทำงานช้าลง แถบยังหนืด ติดขัด นี่ก็เป็นอีกอาการของประจุไฟฟ้าในแบตเตอรี่มีไม่เพียงพอ

นอกจาก 3 วิธีการสังเกตง่ายๆนี้แล้ว  หากคุณสังเกตได้ว่า ไดสตาร์ทไม่ทำงาน หรือ แผ่นธาตุภายในรถบวม ก็เป็นอาการของการสื่อมแบตเตอรี่ด้วยเช่นกัน

แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้เลย คือ เราต้องรู้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่รถยนต์ของเรา โดยทั่วไปแล้ว แบตเตอรี่จะมีอายุการใช้งาน 1.5-2 ปี หากไม่จอดรถทิ้งไว้นานๆ เพราะการจอดรถทิ้งไว้นานๆนั้นก็เป็นการทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพได้เร็วขึ้น

หากคุณพิจารณาอายุการใช้งาน ระยะเวลาที่จดรถทิ้งไว้ แล้วพบว่าเหล่าอาการที่บอกไปก่อนหน้า เกิดขึ้นกับรถคุณ ถึงเวลาที่คุณจะต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่แล้ว

Check the next post: ค่าประกันรถยนต์ ถูก-แพง ขึ้นอยู่กับอะไร? »

Share on:
FairMan